สำหรับสาวๆ ที่รักการดูแลผิว คงเคยได้ยินชื่อของ AHA และ BHA มาบ้างแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า 2 ตัวนี้แตกต่างกันอย่างไร และเหมาะกับสภาพผิวแบบไหน วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเหล่านี้ให้กระจ่าง เพื่อให้คุณเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างตรงจุด ผลลัพธ์คือผิวสวยใส ไร้สิว!
AHA ย่อมาจาก Alpha Hydroxy Acids เป็นกรดผลไม้ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และรอยสิว อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึง
**AHA เหมาะกับผิวธรรมดา ผิวแห้ง และผิวที่มีริ้วรอย**
BHA ย่อมาจาก Beta Hydroxy Acids เป็นกรดซาลิไซลิก ที่มีคุณสมบัติในการละลายน้ำมัน ละลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน จึงช่วยลดสิวอุดตัน สิวเสี้ยน และสิวอักเสบ นอกจากนี้ BHA ยังช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนรอยสิว และควบคุมความมันส่วนเกินได้
**BHA เหมาะกับผิวมัน ผิวผสม และผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย**
* AHA และ BHA เป็นกรดผลไม้ จึงอาจทำให้ผิวบางลงและไวต่อแสงแดด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน
* สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ ควรทดสอบอาการแพ้ก่อน โดยทาผลิตภัณฑ์บริเวณท้องแขนหรือหลังใบหู ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่เกิดอาการระคายเคืองจึงเริ่มใช้บนใบหน้า
* ไม่ควรใช้ AHA ร่วมกับ BHA ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 30 นาที
* ผู้ที่มีผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือ BHA
AHA และ BHA เป็นกรดผลไม้ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน เหมาะกับสภาพผิวที่ต่างกัน การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือ BHA ต้องคำนึงถึงสภาพผิวเป็นหลัก เพื่อผลลัพธ์ผิวสวยใส ไร้สิว


